ปัจจุบันได้มีการให้บริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในประเทศไทยมากมาย ได้แก่
การให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงแบบ ISDN
ISDN หรือ Integrated Service Digital Network คือ เป็นระบบการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายความเร็วสูงที่ส่งถ่ายข้อมูลผ่านสายโทรศัพท์ด้วยการรับส่งสัญญาณในรูปแบบดิจิตอล ซึ่งจะแตกต่างจากระบบอนาล็อกแบบเดิมอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่จะต้องเป็นแบบดิจิตอล ได้แก่ คู่สายและโมเด็มส่วนการเชื่อมต่อที่ชุมสายโทรศัพท์นั้นก็จะต้องต่อสัญญาณเข้ากับระบบสื่อสารดิจิตอลเช่นเดียวกัน
ส่วนประกอบที่สำคัญของระบบได้แก่
1. ISDN เป็นเครือข่ายโทรคมนาคมความเร็วสูงที่ส่งสัญญาณในระบบดิจิตอล โดยส่งข้อมูลผ่านสายโทรศัพท์ด้วยระบบสัญญาณดิจิตอล ซึ่งเชื่อมต่อจาก ISP ถึงบ้านผู้ใช้โดยตรง เป็นดั่งช่องทางส่งผ่านข้อมูลส่วนตัวที่ผู้ใช้บริการจะได้รับสัญญาณที่ความเร็ว 64 Mbps
2. ISDN องค์การจะต้องขอติดตั้งจากองค์การโทรศัพท์ โดยก่อนติดตั้งนั้นจะต้องตรวจสอบพื้นที่ที่ให้บริการ และขอเบอร์โทรศัพท์จากองค์การโทรศัพท์โดยระบุว่าต้องการใช้บริการ ISDN ซึ่งค่าบริการจะเป็นแบบเหมาจ่ายหลายเลขเดือนละ 100 บาท เหมือนกับการเช่าหมายเลขโทรศัพท์ธรรมดา
3. Terminal Adapter (TA) คือ อุปกรณ์ในการแปลงสัญญาณให้เป็นระบบดิจิตอลและเป็นโมเด็ม ISDN เพื่อเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต
4. Network Terminal (NT1) เป็นอุปกรณ์เชื่อมต่อเครือข่าย ISDN สามารถติดต่อเช่าอุปกรณ์ NT1 จากองค์การโทรศัพท์ โดยต้องเสียค่าธรรมเนียมการเช่า NT1 เดือนละ 100 บาท หรืออาจซื้อโมเด็ม ISDN ที่ติดตั้ง NT1 อยู่ภายในเลยก็ได้ แต่ราคาแพงกว่าโมเด็ม ISDN ธรรมดาสองถึงสามพันบาท
5. การติดตั้งการใช้งาน มีขั้นตอนดังนี้
5.1 ตรวจสอบกับองค์การโทรศัพท์ว่า ในเขตพื้นที่ที่เราอยู่มีคู่สาย ISDN ให้เช่าหรือไม่แล้วจึงขอลากสาย ISDN มาติดตั้ง
5.2 ติดตั้งสาย ISDN เข้ากับ NT1 เพื่อรับการติดต่อสื่อสารระบบดิจิตอล กับเครือข่าย ISDN
5.3 เชื่อมต่อสายสัญญาณจาก NT1 เข้ากับ TA เพื่อแยกสัญญาณข้อมูลในส่วนของโมเด็กเข้ากับคอมพิวเตอร์ และส่วนของสัญญาณโทรศัพท์เข้ากับเครื่องโทรศัพท์
5.4 ติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต เพื่อขอให้บริการอินเทอร์เน็ต ISDN โดยจะมีค่าบริการในอัตราที่แตกต่างกันไป
5.5 ทำการติดตั้ง Dialup Networking สำหรับเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งจะมีวิธีการสร้างและใส่หมายเลขโทรศัพท์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเหมือนกับการใช้ระบบโทรศัพท์ แบบปกติ
6. ค่าบริการที่จะต้องเสียในการใช้บริการมีดังนี้
6.1 ค่าหมุนโมเด็ม หรือโทรศัพท์ครั้งละ 3 บาท เหมือนกับโทรศัพท์ระบบปกติ
6.2 ค่าชั่วโมงอินเทอร์เน็ต จะมีให้บริการทุกไอเอสพี ราคาจะแตกต่างกันจะขึ้นอยู่กับคุณภาพและความเร็วที่ผู้ใช้ต้องการ แต่จะมีบริการฟรีของ ทศท. โดยให้เชื่อมต่อไปที่หมายเลข 1288
ข้อดีของระบบ ISDN
1. ค่าเช่าหมายเลขคู่สาย และอุปกรณ์ NT1 เดือนละ 100 บาท ราคาถูกกว่าระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงแบบอื่นๆ
2. มีบริการอินเทอร์เน็ตฟรี จาก ทศท.
3. มีระบบรับส่งสัญญาณแบบดิจิตอล ดังนั้นจึงรับผลกระทบจากสัญญาณรบกวนน้อยมาก
4. สามารถใช้โทรศัพท์ได้พร้อมกับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในเวลาเดียวกัน
การให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงแบบ ADSL
การให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ADSL หรือ Asymmetric Digital Subscriber Line เป็นการเช่าสายส่วนบุคคล หมายถึงการบริการชนิดนี้ใช้ความเร็วในการอัพโหลด และดาวน์โหลดข้อมูลไม่เท่ากัน โดยในส่วนของการอัพโหลดข้อมูลสูงสุด คือ 1.5 Mbps ส่วนการ ดาวน์โหลดสูงสุดที่ 8 Mbps ทำให้บริการประเภทนี้เหมาะกับการดาวน์โหลดมากกว่าการอัพโหลดเว็บไซต์ และเนื่องจากการเช่าสาย ADSL มีคุณสมบัติ Always on คือ พร้อมใช้ตลอดเวลา เมื่อเราเปิดเครื่องนั้น บริษัท Broadband ที่เราใช้บริการอยู่จะทำการเตรียมช่องสัญญาณรออยู่เรียบร้อยแล้ว แค่กรอกรหัสพาสเวิร์ดที่ถูกต้อง ข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตก็จะถูกส่งมาถึงเราทันที และจะเริ่มนับระยะเวลาการใช้จากการเริ่มล็อกออน ไม่ใช่เริ่มเปิดเครื่อง จากคุณสมบัติ Always on ทำให้ไม่จำเป็นที่ต้องเสียค่าโทรครั้งละ 3 บาท ทุกครั้งที่ใช้บริการเพราะได้เช่าสายส่วนตัวไว้แล้ว ซึ่งแตกต่างจากโมเด็มที่ต้องทำการหมุนโทรศัพท์เพื่อเข้าไปใช้งาน และเมื่อผู้ใช้โมเด็มจะพบกับปัญหาการเชื่อมต่อติดที่ยาก แต่การใช้ ADSL ปัญหาดังกล่าวจะไม่มี
การทำงานของ ADSL
ADSL เป็นการส่งข้อมูลบนสายโทรศัพท์ โดยที่ไม่ต้องลากสายเพิ่ม ขอเพียงมีโทรศัพท์ที่บ้านก็สามารถใช้บริการ ADSL ได้แล้ว ซึ่ง ADSL จะใช่ช่องสัญญาณความถี่ที่สูงกว่าช่องสัญญาณโทรศัพท์ทำให้สามารถรับโทรศัพท์ หรือโทรออกขณะที่เล่นอินเทอร์เน็ตอยู่ ซึ่งจะสะดวกมากขึ้นสำหรับบ้านที่มีโทรศัพท์เพียงเบอร์เดียว ค่าบริการ ADSL ที่ความเร็วอัพโหลด 64K และดาวน์โหลด 128K ตกชั่วโมงละ 15-20 บาทเท่านั้น ซึ่งนับว่าถูกมากเมื่อนำมาเทียบกับราคา อินเทอร์เน็ต 56 K ในปัจจุบัน จากความสามารถของ ADSL ที่แยกช่องสัญญาณออกจากช่องสัญญาณเสียงจึงทำให้การติดตั้ง ADSL จำเป็นต้องมีอุปกรณ์เพิ่มอีกตัวหนึ่ง นอกเหนือจากโมเด็มสำหรับใช้กับระบบ ADSL คือ pots splitter ซึ่งตัวนี้จะทำการแยกสัญญาณที่มาพร้อมๆ กันให้แยกเข้าอุปกรณ์แต่ละประเภทให้ถูกต้อง
การใช้งานและติดตั้ง ADLS
การใช้ระบบ ADSL จะทำการติดตั้งการให้บริการ ADSL ที่บ้าน ก่อนการติดตั้งเพื่อทำการต่อสายโทรศัพท์ที่ชุมสาย จากสายธรรมดาให้เป็นส่วนโทรศัพท์ที่สามารถใช้บริการ ADSL ได้ เมื่อต่อสายเสร็จแล้ว ก็จะทำการติดอุปกรณ์ โดยจะทำการติดตั้ง Splitter เพื่อแยกสัญญาณให้โทรศัพท์และเครื่องพีซี จากนั้นจะทำการติดตั้งโมเด็มแบบ ADSL ซึ่งมีทั้งแบบ Internal และ External ซึ่งสามารถเลือกได้ เมื่อติดตั้งโมเด็มและไดรเวอร์เรียบร้อยแล้ว ก็จะทำการทดสอบและสอนการเชื่อมต่อกับไอเอสพีให้ผู้ใช้
จุดเด่นของระบบ ADSL
1. สามารถใช้งานตลอดเวลา หรือที่เราเรียกว่า “Always on”
2. ประหยัดค่าบริการโทรศัพท์ โดยไม่ต้องเสีย 3 บาท
3. ใช้งานโทรศัพท์ พร้อมอินเทอร์เน็ตในเวลาเดียวกันได้
4. อัตราค่าบริการถูกกว่าการให้บริการวงจรเช่าแบบอื่น
5. สามารถปรับความเร็วเพิ่มได้ตามความต้องการ โดยไม่ต้องติดตั้งอุปกรณ์ใหม่เพิ่มเติม
6. มีบริการเสริมให้เลือกใช้ได้ในอนาคต
บริษัทที่ให้บริการระบบ ADSL
1. บริษัท Samart Broadband Services เป็นบริษัทที่ให้เช่าสัญญาณโครงข่ายกับทางองค์การโทรศัพท์ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2543 โดยเลือกใช้เทคโนโลยี DSL ซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูล Broadband มาใช้งาน
2. บริษัท Lenso Datacom เป็นบริษัทในกลุ่มร่วมลงทุนกับองค์การโทรศัพท์ ซึ่งได้ทำการศึกษาระบบ DSL และทำการให้บริการในปี 2543
3. บริษัท United Broadband ในเครือ UCOM เป็นบริษัทที่ก่อตั้งมาตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี พ.ศ. 2541 โดยในต้นปี พ.ศ. 2542 เป็นช่วงที่ทดลองใช้ ADSL ฟรีและเริ่มให้บริการจริงตั้งแต่กลางปี พ.ศ. 2543 จึงถึงปัจจุบัน โดยเปิดให้บริการความเร็วระหว่าง 64 k ถึง 512 k
การให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงแบบ Satellite
การบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงแบบ Satellite หรือบริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม ปัจจุบันมีผู้ให้บริการเพียงรายเดียวเท่านั้น คือ CS Internet โดยใช้ดาวเทียม THAICOM ในการให้บริการโดยมีพื้นที่ครอบคลุมทุกจุดในประเทศไทยที่มีสายโทรศัพท์เข้าถึง และบริการชนิดนี้ไม่ต้องลากสายเข้าบ้าน เพียงติดจานดาวเทียมให้ถูกทิศ ก็สามารถที่จะใช้อินเทอร์เน็ตได้
การทำงานของ Satellite
การใช้อินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมในประเทศไทยนั้น เป็นบริการแบบ One Way คือ ดาวเทียมนั้นจะทำการส่งข้อมูล Downstream ลงมาทางเดียวไม่มีการส่งข้อมูล Upstream ขึ้นไป โดยเริ่มต้นจากผู้ใช้อินเทอร์เน็ตส่งข้อมูล Upstream ไปให้ ISP ผ่านโมเด็ม 56K ไปตามสายโทรศัพท์ เมื่อส่งข้อมูลส่งไปถึง ISP ข้อมูล Upstream จะถูกส่งเข้าสู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ต เพื่อขอใช้ข้อมูลตามต้องการ จากนั้นข้อมูลที่ต้องการจะถูกส่งขึ้นไปยังดาวเทียมไทยคม เพื่อยิงข้อมูลนั้นลงมาด้วยความเร็วสูงมายังจานดาวเทียมที่รับคลื่นที่ติดตั้งที่บ้านของผู้ใช้ จากการทำงานนี้จะเห็นได้ว่าข้อมูล Upstream จะวิ่งไปทางสายโทรศัพท์ส่วนข้อมูล Downstream จะลงมาจากฟ้า ซึ่งทำงานลักษณะนี้เราเรียกว่าเป็นการสื่อสารผ่านดาวเทียมแบบ One Way
การใช้งานและการติดตั้ง Satellite
การใช้งานแบบ One Way ซึ่งต้องแยกการติดต่อสื่อสารเป็น 2 ระบบ คือ ผ่านสายโทรศัพท์และผ่าวดาวเทียม ซึ่งการติดต่อผ่านสายโทรศัพท์ เป็นการสร้าง Dial – Up เหมือนการใช้โมเด็ม 56K มีการป้อนเบอร์โทรศัพท์ชื่อผู้ใช้ และรหัสผ่าน ส่วนการ Dial – Up อีกตัวเป็นของจานดาวเทียม ซึ่งต้องทำการติดตั้งโปรแกรม Virtual Private Network หรือเรียกว่า VPN ซึ่งมีอยู่ในโปรแกรมระบบปฏิบัติการ Windows ซึ่งในการใช้งานจริงนั้น จะต้องทำการหมุน Dial – Up ทางสายโทรศัพท์ แล้วใส่ชื่อกับรหัสผ่านเพื่อเข้าใช้อินเทอร์เน็ตจากนั้นก็หมุน Dial – Up VPN เพื่อรับข้อมูลจากดาวเทียมได้ โดยการหมุน Dial – Up ทางโทรศัพท์เสีย 3 บาท ต่อการหมุน 1 ครั้งแต่ VPN จะหมุนกี่ครั้งก็ได้ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่หากไม่ทำการหมุน VPN นั้นในกรณีที่ข้อมูล Downstream จะวิ่งมาทางสายโทรศัพท์แทน ซึ่งการไม่หมุน VPN จะใช้ในกรณีที่ฟ้าฝนตกหนัก การส่งข้อมูลผ่านทางดาวเทียมจะไม่สามารถส่งได้ หากต้องการใช้ในข้อมูลในขณะฝนตกต้องปิด VPN ข้อมูล Downstream จะวิ่งผ่านทางสายโทรศัพท์แทน ข้อดีคือแม้สภาพอากาศจะแย่เพียงใด ยังสามารถติดต่อทางอินเทอร์เน็ตได้ โดยไม่มีอุปสรรค์เรื่องของอากาศเข้ามาเกี่ยวข้อง ข้อเสียคือ การติดต่อแบบไม่ใช่ VPN จะได้รับความเร็วไม่สูงมากนัก และยังเสียค่าชั่วโมงเต็ม เหมือนกับที่ใช้ VPN สำหรับการติดตั้งนั้นทางศูนย์จะส่งช่างมาทำการติดตั้ง พร้อมสอนวิธีการใช้งานให้กับผู้ใช้ ทำการเชื่อมต่อ ซึ่งการติดตั้งนั้นจะมีการติดจานดาวเทียมที่หลังคาบ้าน และ PC CARD ในเครื่องพีซีของผู้ใช้เพื่อให้ใช้อินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมได้
อุปกรณ์ที่จำเป็นในการใช้บริการ Sattellite
1. จานดาวเทียม
2. ตัว PC CARD ติดตั้งบนเครื่องพีซี
3. โมเด็ม 56K
ลักษณะเด่นของ Sattellite
1. ใช้ได้ทั่วประเทศที่สายสัญญาณโทรศัพท์เข้าถึง
2. โทรศัพท์ครั้งละ 3 บาท ทั่วไป
3. ปรับความเร็วเพิ่มได้ตามความต้องการ โดยไม่ต้องติดตั้งอุปกรณ์ใหม่เพิ่มเติม
4. มีบริการเสริมให้เลือกใช้ได้ในปัจจุบันและอนาคต
การให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงแบบ Cable Modem
Cable Modem คือ การเชื่อมต่อินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่าย HFC หรือ Hybrid Fiber Coaxial (เครือข่ายใยแก้วนำแสง) หรือเราเรียกว่า สายเคเบิล ในอดีตเครือข่ายสายเคเบิลนี้ ถูกเช่าใช้โดยบริษัท UBC เพื่อใช้ในการถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์ไปให้ผู้รับชมที่เป็นสมาชิก แต่ในปัจจุบันเครือข่ายสายเคเบิ้ลนี้ได้ถูกเช่าใช้มากขึ้น โดยบริษัท ASIANET ในเครือบริษัท TelecomASIA ได้นำเครือข่ายดังกล่าวนั้นมาใช้ในการต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง โดยใช้ชื่อบริการนี้ว่า ASIANET Cable Modem
การทำงานของ Cable Modem
การทำงานของ Cable Modem นั้นจะต้องใช้ช่องสัญญาณที่มีความถี่ที่ไม่ซ้ำกับที่ UBC ใช้ในการส่งข้อมูล โดยปัจจุบันพื้นที่ที่ให้บริการด้าน Cable Modem ได้นั้นจะอยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งการให้บริการมี 2 แบบ คือ
1. แบบ One Way เป็นการทำงานด้าน Downstream จะมาจากสายเคเบิ้ล ส่วนด้าน Upstream จะวิ่งไปตามสายโทรศัพท์แทน
2. แบบ Two Way เป็นการทำงานด้าน Downstream และ Upstream จะมาจากสายเคเบิ้ลทั้งหมด
หลักการทำงานที่ต้องมี 2 ระบบ มีต้นกำเนิดจากของสายเคเบิ้ล มาจากบริษัท UBC ซึ่งเป็นรายการทีวีต่างประเทศ การถ่ายทอดสดของการแข่งขันต่างๆ ซึ่งการส่งข้อมูลประเภทนี้จะเป็นแบบ One Way คือ ผู้ใช้บริการจะดูได้อย่างเดียว ไม่สามารถโต้ตอบกลับได้ เมื่อดูข้อแตกต่างของ Two Way กับ One Way จะเห็นว่า ข้อดีของ Two Way ก็คือไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย 3 บาทในการติดต่อใน 1 ครั้งแต่ในแบบ One Way นั้น ต้องเสีย 3 บาท เพื่อใช้ในการโทรเข้าไปใช้งาน นอกจากนี้การทำงานแบบ Two Way การทำงานทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับสายเคเบิ้ล ดังนั้นผู้ใช้จะไม่ต้องกังวลว่าสายโทรศัพท์จะใช้งานได้หรือไม่ เพราะ Two Way จะไม่ใช้สายโทรศัพท์เลย อาจกล่าวได้ว่า แบบ Two Way จะทำงานแบบ Always On ส่วนข้อเสียที่เห็นได้ชัดของ Two Way คือ ค่าบริการจะสูงกว่าแบบ One Way ในปัจจุบันนี้เครือข่ายเคเบิ้ลหลายส่วนได้ปรับปรุงเป็นเครือข่ายเคเบิ้ลแบบ Two Way แล้ว จะมีเพียงบางพื้นที่เท่านั้นที่ยังไม่สามารถใช้งานแบบ Two Way ได้ ซึ่งสามารถตรวจสอบพื้นที่การใช้งานได้จากบริษัท ASIANET
การติดตั้งและการใช้งาน Cable Modem
การติดตั้ง Cable Modem เหมือนกับโมเด็มทั่วไป หากผู้ใช้มีสายเคเบิ้ลของ UBC อยู่แล้วสามารถทำได้ง่ายเพียงนำ Cable Modem มาต่อสายเคเบิ้ลและทำการลงไดรเวอร์ก็เรียบร้อย แต่ถ้าหากไม่มีสายเคเบิ้ล จะต้องทำการติดต่อ ASIANET มาทำการติดตั้งสายเคเบิ้ลและสอนวิธีการใช้ให้
อุปกรณ์ที่จำเป็นในการใช้บริการ Cable Modem
1. โมเด็ม 56 K
2. Cable Modem 1 ตัว
3. สายเคเบิ้ล
ลักษณะเด่นของ Cable Modem
1. ใช้งานร่วมกับ UBC ได้
2. การใช้งานแบบพร้อมใช้งาน Always On ในแบบ Two Way
3. ไม่ต้องเสียค่าโทรศัพท์ครั้งละ 3 บาท เฉพาะแบบ Two Way
4. สามารถใช้งานโทรศัพท์ พร้อมอินเทอร์เน็ตในเวลาเดียวกัน เฉพาะแบบ Two Way
5. มีบริการเสริมให้เลือกมากมายในอนาคต
บริษัทที่ให้บริการ Cable Modem ในปัจจุบัน
การบริการ Cable Modem นี้ เกิดขึ้นโดยความร่วมมือจาก บริษัท เอเชีย มัลติมีเดีย จำกัด และบริษัท เอเชีย อินโฟเน็ท จำกัด ซึ่งเป็นสองบริษัทในเครือเทเลคอมเอเชีย ซึ่งบริษัทเอเชีย มัลติมีเดียนั้น จะเปิดให้บริการในด้านโครงข่ายมัลติมีเดียความเร็วสูง ที่ใช้เทคโนโลยีของ Hybrid Fiber – Coaxial (HFC Network) ซึ่งมีขีดความสามารถสูงสุดในการรองรับบริการมัลติมีเดียต่างๆ ขณะนี้โครงข่าย HFC สามารถให้บริการได้แล้วกว่า 2.1 ล้านหลังคาเรือนในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล และจังหวัดใหญ่ๆ ในประเทศ โครงข่ายดังกล่าวนี้สามารถรับส่งข้อมูลได้ทั้งแบบอนาล็อกและดิจิตอล ที่ย่านความถี่ 5 ถึง 750 เมกะเฮร์ซ สามารถให้บริการมัลติมีเดียได้หลายๆ แบบ เช่น UBC Cable TV, Cable Modem , Interactive Broadcasting ฯลฯ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น